top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนLocal Connex

ธนบุรีที่เห็นไม่ชัด III : ความมิกซ์แอนด์แมทที่ลงตัว ริมคลองด่าน

อัปเดตเมื่อ 23 ก.ค. 2563


ถ้าพูดถึงลุคลูกครึ่งที่ยืนหนึ่งตลอดกาล คงหนีไม่พ้นอาตี๋อาหมวย ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างไทยและจีน ที่ดูละเมียดละมุน บ้างก็คมเข้มโฉบเฉี่ยว

เจ้าความลูกผสมที่ว่านี้กลับยังมีให้เห็นในงานศิลปะ ซึ่งถูกสร้างสรรค์ผสมข้ามวัฒนธรรมมานับร้อยปี จนเรียกเล่นๆได้ว่าเป็นศิลปะแบบไฮบริดกันเลย

มายังไงละทีนี้?

ผลงานศิลปะลูกผสมนี้ ตั้งอยู่ริมคลองด่านเขตจอมทอง วิธีเดินทางไม่ยุ่งยาก เพียงลง BTS วุฒากาศปุ๊บ ข้ามถนนวุฒากาศปั๊บ ขึ้นรถกระป๋องสายตลาดพลู-วัดสิงห์ เพียง 7 บาท บอกคนขับขอลงวัดหนัง หรือถามคนที่นั่งหัวเข่าประชิดติดกันในรถว่า ช่วยบอกให้หน่อยน้าา..


เมื่อลงจากรถข้ามถนนเดินเข้าซอยวัดหนังจนข้ามคลอง สังเกตซอยซ้ายมือให้เดินไปเรื่อยๆเข้าซอยเล็กๆผ่านชุมชน แล้วข้ามสะพานอีกทีก็จะมาโผล่หลังวิหารพระยืน เส้นทางนี้เป็นเส้นทางลัดแต่ไม่ลับ ย่นย่อระยะทางได้ดีกว่าไปลงฝั่งถนนเอกชัยอีกนะ

แว๊บเข้าโหมดประวัติศาสตร์
นั้งไทม์แมชชีนย้อนกลับไป 200 ปีพอดี ลำคลองที่อยู่ด้านหน้าวัดราชโอรสคือทางสัญจรมุ่งสู่ทางใต้ ไม่ต่างจากถนนพระราม 2 ที่สร้างมานับร้อยปีในเวลานี้

ความไม้เบื่อไม้เมากับระหว่างเรากับพม่ามายังดำเนินต่อมาเป็นระยะๆ จนหน่วยข่าวกรองแจ้งมาว่า พม่าจะมาเยี่ยมเยียนด้วยกำลังทหารที่กาญจนบุรี รัชกาลที่ 2 จึงโปรดให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ยกกองทัพไปสกัด

ระหว่างการเคลื่อนพลไปตามคลองด่าน วัดจอมทองถูกเลือกเป็นที่พักและทำพิธีกรรมแบบพราหมณ์ที่เรียกว่าเบิกโขลนทวาร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพล ครั้งนั้นได้ทรงอธิษฐานให้ภารกิจนี้ลุล่วงไปด้วยดี


หลังการเลิกทัพเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ ท่านก็ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดจอมทองขึ้นใหม่ในสไตล์ไทยจีน รัชกาลที่ 2 พระราชทานนามใหม่ว่า วัดราชโอรส สื่อถึงวัดที่พระราชโอรสท่าน คือกรมหมื่นเจษฏาบดินทร์เป็นผู้ทรงสร้าง

ส่วนผสมที่คูลๆแบบไทยจีนนี้ เป็นพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 ตั้งแต่ยังทรงเป็นพระราชโอรส ไอเดียการมิกซ์แอนด์แมทนี้ เริ่มจากเสาอาคารถูกขยายให้ใหญ่บิ๊กบึ้มเป็นทรงสี่เหลี่ยม เพื่อรองรับโครงหลังคาที่เปลี่ยนจากไม้เป็นการก่ออิฐถือปูน พร้อมกับโบกมือลาเครื่องประดับที่ดูวิบวับซึ่งศัพท์เฉพาะเรียกว่าเครื่องลำยอง ที่มีทั้ง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ฯ ออกทั้งหมด

จั่วด้านหน้าที่เรียกว่าหน้าบัน ถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบจีนสีสันสดใส Colorful พร้อมกับเล่าเรื่องใหม่ด้วยเครื่องมงคลจีน


บวกลบคูณหารงบประมาณซ่อมบำรุงลดลงไปได้โข เพราะเปลี่ยนงานไม้เป็นงานปูนที่ยืดอายุการใช้งานได้นานนั่นเอง

สิ่งหนึ่งที่ดูจะคุ้นตาหากมาวัดเก่าๆ คือตุ๊กตาจีนที่วางประดับเพิ่มอรรถรสในการเดินชม ตุ๊กตาจีนเหล่านี้คือ อับเฉา ในยุคการค้าสำเภาจีนอันรุ่งเรือง รัชกาลที่ 3 โปรดให้แต่งสำเภาไปค้าขายกับเมืองจีน เมื่อขายของหมดเรือสำเภาที่แล่นกลับไทยจะเบา จึงโปรดให้นำตุ๊กตาจีนเหล่านั้นถ่วงท้องสำเภากลับมา แล้วโปรดให้แจกจ่ายไปตามวัดต่างๆ เราจึงเห็นตุ๊กตาจีนที่ทำจากหินอยู่ทั่ววัดเก่าๆในทุกวันนี้

มาถึงวัดไม่เข้าไปไหว้พระดูจะเป็นคนบาป ด้านในพระอุโบสถวัดราชโอรสเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร บัลลังก์ด้านล่างบรรจุพระบรมราชสรีรางคารผู้สร้างวัดแห่งนี้

เมื่อกวาดสายตาไปคนเสพงานศิลป์อาจอุทาน อิหยังวะ...เมื่อจิตรกรรมพุทธประวัติหรือทศชาติชาดกหายไปไหน ถูกแทนที่ใหม่ด้วยจิตรกรรมฝาผนังลายเครื่องตั้งเครื่องมงคลอย่างจีน มีไอเท็มทั้งแจกันดอกไม้ โต๊ะ ตั่ง เก้าอี้ ดูกิ๊บเก๋แปลกใหม่เพลินๆ พลิกโฉมขนบการวาดภาพจิตรกรรมแบบโบราณไปเลย

ไฮไลท์อีกหนึ่งนั้นอยู่ด้านหลัง แนะนำจ้ำเท้าให้ไวหนีไอแดดที่ร้อนระอุ พร้อมพุ่งตัวไปผ่านประตูวงกลมสไตล์จีน วิหารหลังใหญ่วางตัวเป็นแนวขวาง

มีพระนอนนามว่าพระพุทธไสยาสน์นารถชนินทร์ชินสากยบรมสมเด็จสรรเพชญพุทธบพิตรประดิษฐานอยู่ ชื่อยาวมากแม่...ขนาดองค์พระอาจไม่สูงยาวเท่าวัดโพธิ์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือลายมงคลที่พระบาท 108 ประการ เวอร์ชั่นลงรักปิดทอง...To be continued


ดู 74 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page